วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เพลงชนิดของคำ















อ้างอิง 

อภิชัย  ธิณทัพ. คำในภาษาไทย. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา                 https://www.gotoknow.org/posts/208769 (9 ตุลาคม 2559)

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คำนาม


คำนาม


   คำนามหมายถึง  คำที่ใช้เรียกชื่อ  คน  สัตว์  พืช  สิ่งของ  สถานที่  สภาพ  อาการ  ลักษณะ  ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิต  หรือสิ่งไม่มีชีวิต  ทั้งที่เป็นรูปธรรม  และนามธรรม  เช่นคำว่า  คน   ปลา  ตะกร้า   ไก่  ประเทศไทย  จังหวัดพิจิตร  การออกกำลังกาย  การศึกษา  ความดี  ความงาม  กอไผ่  กรรมกร  ฝูง  ตัว  เป็นต้น   

ชนิดของคำนาม


             คำนามแบ่งออกเป็น  ๕  ชนิด  ดังนี้ 

 ๑.  สามานยนาม หรือเรียกว่า  คำนามทั่วไป  คือ  คำนามที่เป็นชื่อทั่วๆ ไป  เป็นคำเรียกสิ่งต่างๆ โดยทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจง  เช่น  ปลา  ผีเสื้อ  คน   สุนัข   วัด   ต้นไม้   บ้าน   หนังสือ  ปากกา  เป็นต้น
 ๒.  วิสามานยนาม  หรือเรียกว่า  คำนามเฉพาะ  คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อเฉาะของคน  สัตว์ หรือสถานที่  เป็นคำเรียนเจาะจงลงไปว่า เป็นใครหรือเป็นอะไร  เช่น  พระพุทธชินราช  เด็กชายวิทวัส  จังหวัดพิจิตร วัดท่าหลวง  ส้มโอท่าข่อย  พระอภัยมณี  วันจันทร์  เดือนมกราคม เป็นต้น
 ๓.  สมุหนาม  คือ คำนามที่ทำหน้าที่แสดงหมวดหมู่ของคำนามทั่วไป  และคำนามเฉพาะ  เช่น  ฝูงผึ้ง กอไผ่  คณะนักทัศนาจร  บริษัท  พวกกรรมกร  เป็นต้น
 ๔. ลักษณะนาม  คือ  เป็นคำนามที่บอกลักษณะของคำนาม  เพื่อแสดงรูปลักษณะ  ขนาด ปริมาณ  ของคำนามนั้นนั้นให้ชัดเจน  เช่น  บ้าน  ๑  หลัง  โต๊ะ  ๕  ตัว  คำว่า หลัง  และ  ตัว  เป็นลักษณะนาม
 ๕.  อาการนาม  คือ คำนามที่เป็นชื่อกริยาอาการ  เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม  ไม่มีรูปร่าง  มักมีคำว่า  "การ"  และ  "ความ"  นำหน้า  เช่น  การกิน  การเดิน  การพูด  การอ่าน  การเขียน ความรัก  ความดี  ความคิด  ความฝัน  เป็นต้น


หน้าที่ของคำนาม  มีดังนี้คือ

๑.  ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น
                   - ประกอบชอบอ่านหนังสือ                   -  ตำรวจจับผู้ร้าย
๒. ทำหน้าที่เป็นกรรมหรือผู้ถูกกระทำ  เช่น
                  -  วารีอ่านจดหมาย                               -  พ่อตีสุนัข
๓.  ทำหน้าที่ขยายนาม เพื่อทำให้นามที่ถูกขยายชัดเจนขึ้น  เช่น
                  -  สมศรีเป็นข้าราชการครู                     -  นายสมศักดิ์ทนายความฟ้องนายปัญญาพ่อค้า
๔.ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติมเต็ม เช่น
                  -  ศรรามเป็นทหาร                               -  เขาเป็นตำรวจแต่น้องสาวเป็นพยาบาล
๕. ใช้ตามหลังคำบุพบทเพื่อทำหน้าที่บอกสถานที่ หรือขยายกริยาให้มีเนื้อความบอกสถานที่ชัดเจนขี้น      เช่น                  -  คุณแม่ของเด็กหญิงสายฝนเป็นครู      -  นักเรียนไปโรงเรียน
๖. ใช้บอกเวลาโดยขยายคำกริยาหรือคำนามอื่น เช่น
                  -  คุณพ่อจะไปเชียงใหม่วันเสาร์             -  เขาชอบมาตอนกลางวัน
๗.  ใช้เป็นคำเรียกขานได้ เช่น
                  -  น้ำฝน ช่วยหยิบปากกาให้ครูทีซิ         -  ตำรวจ ช่วยฉันด้วย













คำอุทาน


คำอุทาน


  คำอุทาน  หมายถึง  คำที่แสดงอารมณ์ของผู้พูดในขณะที่ตกใจ  ดีใจ  เสียใจ  ประหลาดใจ หรืออาจจะเป็นคำที่ใช้เสริมคำพูด  เช่นคำว่า  อุ๊ย  เอ๊ะ  ว้าย  โธ่  อนิจจา  อ๋อ  เป็นต้น  เช่น

                      -  เฮ้อ!  ค่อยยังชั่วที่เขาปลอดภัย

                      -  เมื่อไรเธอจะตัดผมตัดเผ้าเสียทีจะได้ดูเรียบร้อย









ชนิดของคำอุทาน

 คำอุทานแบ่งเป็น  ๒  ชนิด ดังนี้


๑.  คำอุทานบอกอาการ  เป็นคำอุทานที่แสดงอารมณ์  และความรู้สึกของผู้พูด  เช่น

               ตกใจ             ใช้คำว่า         วุ้ย  ว้าย  แหม  ตายจริง

               ประหลาดใจ    ใช้คำว่า         เอ๊ะ  หือ  หา

               รับรู้ เข้าใจ      ใช้คำว่า         เออ  อ้อ  อ๋อ

              เจ็บปวด           ใช้คำว่า         โอ๊ย  โอย  อุ๊ย

              สงสาร เห็นใจ   ใช้คำว่า         โธ๋  โถ  พุทโธ่   อนิจจา

              ร้องเรียก          ใช้คำว่า         เฮ้ย   เฮ้   นี่

              โล่งใจ              ใช้คำว่า         เฮอ  เฮ้อ

              โกรธเคือง        ใช้คำว่า         ชิชะ   แหม





๒.  คำอุทานเสริมบท เป็นคำอุทานที่ใช้เป็นคำสร้อยหรือคำเสริมบทต่างๆ คำอุทานประเภทนี้บางคำเสริมคำที่ไม่มีความหมายเพื่อยืดเสียงให้ยาวออกไป บางคำก็เพื่อเน้นคำให้กระชับหนักแน่น  เช่น

               -  เดี๋ยวนี้มือไม้ฉันมันสั่นไปหมด

               -  หนังสือหนังหาเดี๋ยวนี้ราคาแพงมาก

               -  พ่อแม่ไม่ใช่หัวหลักหัวตอนะ



หน้าที่ของคำอุทาน  มีดังนี้คือ



๑.  ทำหน้าที่แสดงความรู้สึกของผู้พูด  เช่น

               -  ตายจริง!  ฉันลืมเอากระเป๋าสตางค์มา

               -  โธ่! เธอคงจะหนาวมากละซิ

               -  เอ๊ะ! ใครกันที่นำดอกไม้มาวางไว้ที่โต๊ะของฉัน



๒.  ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนักของคำ  ซึ่งได้แก่คำอุทานเสริมบท  เช่น

               -  ทำเสร็จเสียทีจะได้หมดเรื่องหมดราวกันไป

               -  เมื่อไรเธอจะหางงหางานทำเสียที

               -  เธอเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไร



๓. ทำหน้าที่ประกอบข้อความในคำประพันธ์  เช่น

               -  แมวเอ๋ยแมวเหมียว

               -  มดเอ๋ยมดแดง

               -  กอ เอ๋ย กอไก






คำสันธาน


คำสันธาน

 คำสันธาน  หมายถึง  คำที่ใช้เชื่อมประโยค หรือข้อความกับข้อความ  เพื่อทำให้ประโยคนั้นรัดกุม  กระชับและสละสลวย  เช่นคำว่า และ  แล้ว  จึง  แต่  หรือ  เพราะ  เหตุเพราะ  เป็นต้น เช่น

                                    -  เขาอยากเรียนหนังสือเก่งๆ แต่เขาไม่ชอบอ่านหนังสือ

                                    -  เขามาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนัก

ชนิดของคำสันธาน
 คำสันธานแบ่งเป็น  ๔  ชนิด ดังนี้

๑. คำสันธานที่เชื่อมความคล้อยตามกัน  ได้แก่คำว่า  และ  ทั้ง...และ  ทั้ง...ก็ ครั้น...ก็  ครั้น...จึง  ก็ดี  เมื่อ...ก็ว่า  พอ...แล้ว เช่น

               -  ทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นคนใต้

               -  พอทำการบ้านเสร็จแล้วฉันก็นอน

๒. คำสันธานที่เชื่อมความขัดแย้งกัน  เช่นคำว่า  แต่  แต่ว่า  กว่า...ก็  ถึง...ก็ เป็นต้น  เช่น

               -  ผมต้องการพูดกับเขา แต่เขาไม่ยอมพูดกับผม

               -   กว่าเราจะเรียนจบเพื่อนๆ ก็ทำงานหมดแล้ว

๓. คำสันธานที่เชื่อมข้อมความให้เลือก  ได้แก่คำว่า  หรือ  หรือไม่  ไม่...ก็ หรือไม่ก็  ไม่เช่นนั้น  มิฉะนั้น...ก็  เป็นต้น  เช่น

               -  นักเรียนชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์หรือภาษาไทย

               -  เธอคงไปซื้อของหรือไม่ก็ไปดูหนัง

๔ คำสันธานที่เชื่อมความที่เป็นเหตุเป็นผล  ได้แก่คำว่า  เพราะ  เพราะว่า ฉะนั้น...จึง  ดังนั้น  เหตุเพราะ  เหตุว่า  เพราะฉะนั้น...จึง  เป็นต้น เช่น

               -  นักเรียนมาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนัก

               -  เพราะวาสนาไม่ออกกำลังกายเธอจึงอ้วนมาก


 หน้าที่ของคำสันธาน  มีดังนี้คือ
๑.  เชื่อมประโยคกับประโยต เช่น

                -  เขามีเงินมากแต่เขาก็หาความสุขไม่ได้

                -  พ่อทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้ลูกๆ ได้เรียนหนังสือ

                -  ฉันอยากได้รองเท้าที่ราคาถูกและใช้งานได้นาน

๒.  เชื่อมคำกับคำหรือกลุ่มคำ เช่น

                -  สมชายลำบากเมื่อแก่

                -  เธอจะสู้ต่อไปหรือยอมแพ้

                -  ฉันเห็นนายกรัฐมนตรีและภริยา

๓.  เชื่อมข้อความกับข้อความ เช่น

                -  ชาวต่างชาติเข้ามาอยู่เมืองไทย เขาขยันหมั่นเพียรไม่ยอมให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เขาจึงร่ำรวย จนเกือบจะซื้อแผ่นดินไทยได้ทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลายจงตื่นเถิด จงพากันขยันทำงานทุกชนิดเพื่อจะได้รักษาผืนแผ่นดินของไทยไว้